บ้านสไตล์อเมริกันคันทรี

บ้านสไตล์อเมริกันคันทรี อเมริกัน คันทรี่ ใครที่เป็นแฟน ภาพยนตร์แถบอเมริกา ก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับบ้านสไตล์อเมริกัน คันทรี่ ที่มีการผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมกับความกลมกลืน ของธรรมชาติ และหลายๆ คนก็อาจจะเคยได้แรงบันดาลใจ จากการแต่งบ้านใน สไตล์นี้มาบ้างแล้ว

บ้านสไตล์อเมริกันคันทรี อบอุ่นปนสดชื่น

ลองมาดูกันครับว่าจะตรงใจ ในการเลือกตกแต่งกัน หรือ เปล่า ในสไตล์นี้ ห้องนอนจะ ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นที่สุด ซึ่งเน้นวัสดุทำมาจากไม้ หรือให้สีของไม้ ที่ทำให้รู้สึกถึง ความอบอุ่น ตกแต่งเพิ่มด้วยการปูพรม ที่มีรูปแบบไปใน สไตล์เดียวกันกับการเลือกตกแต่ง ด้วยเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ

บ้านสไตล์อเมริกันคันทรี

ไอเดียบ้านสไตล์อเมริกันคันทรีปรับให้เข้ากับเขตร้อน

ในสองสามปีที่ผ่านมา เราทั้งโลกต่างอยู่ระหว่างเส้นทางชีวิต ที่เปราะบางในช่วง โควิดระบาด จากเหตุการณ์ นี้มีผู้คนไม่น้อยที่ต้องห่างจากคนที่รัก ไม่สามารถ มาดูแลใกล้ชิด ได้เป็นเวลาหลายปี ทำให้รู้สึกว่าหากมีโอกาส ก็ขอเลือกกลับบ้านดีกว่า เจ้าของบ้านหลังนี้ในเวียดนามก็คิดเช่นเดียวกัน หลังจากเดินทางไปต่าง ประเทศหลายแห่ง ตอนนี้เธอต้องการกลับ ไปยังบ้านเกิดที่ ซึ่งพ่อแม่ผู้ชราขึ้นทุกวันกำลังรออยู่ หลังจากตัดสินใจ จะกลับจึงติดต่อสถาปนิก เพื่อให้ออกแบบบ้าน ที่สะดวกต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ของพ่อแม่สูงวัย และให้ความสบายใจสำหรับ ตัวเธอเองเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว

บ้านหลังนี้ชื่อ Mai’s house ซึ่งมาจากชื่อเจ้าของบ้านคือ คุณ Mai Vo ซึ่งกลับมาสร้างบ้านที่ Đơn Dương อำเภอหนึ่งของจังหวัด Lâm Đồng (ที่ราบสูงตอนกลางของเวียดนาม) โจทย์ในการสร้างบ้าน ไม่ซับซ้อนนัก เธอชอบความเรียบง่าย แสงสว่างแบบทาง อ้อมที่ละมุนตาในบางจุด และแสงสว่างพิเศษ ในบ้านเมื่อจําเป็นให้พ่อแม่ ผู้สูงอายุมองเห็นได้ชัดเจน และด้วยความที่ต้อง เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ทำให้คุณ Mai ชื่นชอบ บ้านสไตล์อเมริกันคันทรี เป็นพิเศษ จึงได้นำรูปแบบมาเป็น แรงบันดาลใจในการดีไซน์บ้าน

บ้านสไตล์อเมริกันคันทรี

ทีมก่อสร้างเรียกหลังนี้ว่าเป็น บ้านสไตล์อเมริกัน ของชาวเวียดนาม เพราะความเรียบร้อยและสม่ำเสมอ จากภายนอกสู่ภายใน ไม่ซ่อนเร้นหรือโอ้อวด บ้านมีการเปลี่ยนแปลง อย่างนุ่มนวลระหว่างสไตล์ ที่มาไกลจากอีกซีกโลก เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศพื้นถิ่น ด้วยการใช้สี และวัสดุที่ปรับเปลี่ยน ได้ง่ายในอนาคต บ้านมีเฉลียงแบบเปิด ขนาดใหญ่ด้านหน้า สำหรับวางเก้าอี้โยก พักผ่อนหรือชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับจัดงานสังสรรค์ กับเด็กๆในอนาคต ตลอดจนปรับแต่งสร้าง โรงจอดรถได้ตามต้องการ จึงเห็นความ “ใช้งานได้จริง” ค่อนข้างชัดเจนในโครงการนี้

จากภายนอกมาถึงภายใน จะเน้นเส้นสายคมชัด เรียบง่าย เรียกได้ว่า “สะอาด” แสดงผ่านภาษาการออกแบบ โดยทิ้งรายละเอียดที่ซับซ้อนและสิ่งของที่ไม่ ค่อยได้ใช้ออกไป พื้นที่นี้เน้นที่ฟังก์ชันที่ “เหมาะสมและเพียงพอ” พิถีพิถันในด้านเทคนิค ละเอียดอ่อนในการรับแสงจากภายนอกสู่ภายใน มากกว่าการลงทุน กับอุปกรณ์ตกแต่งหรือโคมไฟระย้าที่สวยงาม แต่บ้านก็ยังไม่โล่งจนโหวงเหวง เพราะสายตาถูกโอบกอดด้วย งานไม้ที่บิลท์บนผนัง และแสงธรรมชาติ ที่ส่องเข้ามาสร้างความสงบ และมีชีวิตชีวา

ภายในบ้าน

ภายในบ้านจัดแปลนแบบ open plan ในส่วนใช้งานร่วมกัน

จะเห็นว่าห้องนั่งเล่นดูทีวี โต๊ะทานข้าว และครัวต่อเชื่อมกัน เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ สามารถสัญจรไปมาได้ง่าย ไม่ต้องคอยปิดเปิดประตูเหมือนบ้านที่ทำ เป็นห้องเล็กห้องน้อย ในส่วนครัวจะมีช่องแสง skylight เพิ่มความสว่างให้คุณพ่อคุณ แม่มองเห็นได้ชัด หยิบจับได้ง่ายโดยไม่รู้สึกแสบตา โครงสร้างของบ้านไม่มี พื้นต่างระดับ ซอกเล็กซอกน้อย หรือของจุกจิกมากมาย ทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

บ้านมีรูปลักษณ์ของบ้าน ในชนบทของอเมริกา ที่มีหลังคารูปตัวเอเอียงเล็กน้อย ทำให้ระยะห่างจากพื้นถึง เพดานค่อนข้างสูง บ้านจึงโปร่งและเอื้อให้ ความร้อนลอยขึ้นสู่ที่สูงได้ดี ส่วนที่อยู่ติดเพดาน บ้านจะใส่ช่องแสงข้างบน เพื่อให้บ้านเกิดความ สว่างในขณะไม่รู้สึกว่าบ้านร้อน ฝ้าเพดานใส่ลูก เล่นที่เหมือนเป็นภาพ 3 มิติดูทันสมัย

โซนห้องครัว

พื้นที่ส่วนตัว (ห้องนอน ห้องสุขา) อบอุ่นและเรียบง่ายด้วยวัสดุไม้-หินอย่างกลมกลืน ขั้นสุดท้ายของการตก แต่งเสร็จสมบูรณ์ด้วยเฟอร์นิเจอร์และแสงไฟแบบ ทางอ้อมที่ซ่อนอยู่ตามฝ้าเพดาน คานบ้าน เหนือหัวนอน ตู้เสื้อผ้า หรือตู้ครัว ให้บ้านเปล่งประกายอย่างมีมิติในยามค่ำ

 สำหรับบ้านที่มีผู้สูงวัย สิ่งที่ควรคำนึงถึง มากที่สุด คือความปลอดภัย ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ภายในบ้านควรมีสเปซโล่ง กว้างให้เดินได้ง่ายๆ หรือสามารถใช้รถเข็นได้ง่ายเมื่อจำเป็น มีแสงสว่างที่เพียงพอ พื้นบ้านไม่มี การยกระดับหรือต่างระดับ ประตูบ้านควรเป็นบานเลื่อน เพราะผู้สูงวัยอาจมีกำลังนิ้วมือ ที่อ่อนแรงจับ ลูกบิดได้ยาก รวมถึงวัสดุปูพื้นบ้านพื้นห้องน้ำต้องไม่ลื่น นุ่มเท้า เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มในบ้าน

ห้องนอน

5 ไอเดียแต่งบ้านคันทรีให้เย็นใจ

1.ทำความรู้จักบ้านคันทรี
บ้านสไตล์คันทรี ในแต่ละท้องถิ่นนั้นมีลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป อย่างในเมืองไทยก็จะเป็นบ้านท้องถิ่นในภูมิภาคต่าง ๆ ที่เห็นภาพได้ชัดก็เป็นเรือนไทยในแต่ละภาค ซึ่งมีอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น แต่หากในนึกภาพบ้านสไตล์คันทรีภาพแรกที่ปรากฏมักจะเป็นภาพบ้านหลังเล็กท่ามกลางทุ่งหญ้าท้องนา มีสัตว์เลี้ยงอย่างวัว แกะ และโรงนาอยู่รอบด้าน ซึ่งภาพที่คุ้นตานี้เป็น บ้านคันทรี แบบยุโรป และในเมืองไทยเองก็นิยมตกแต่งบ้านให้เป็นคันทรีแบบยุโรปเสมอ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่ดูอบอุ่นธรรมดาแต่สวยงามเลยทำให้คันทรียุโรปเป็นที่ตราตรึงใจคนไทยเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอิงลิชคันทรีที่ดูอ่อนหวาน สไตล์ทัสคานีชนบทในประเทศอิตาลีที่ดูอบอุ่น หรือจะเป็นสไตล์โปรวองซ์เมืองโรแมนติกที่ฝรั่งเศสที่ส่งผ่านงานดีไซน์ที่ดูอ่อนนุ่ม

2.วัสดุที่เลือกใช้
แน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์คันทรีนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างบ้านสไตล์ทัสคานีก็จะโดดเด่นในเรื่องของผนังดินซึ่งเป็นดินพื้นเมือง ส่วนอิงลิชคันทรีก็จะเด่นในเรื่องการใช้ผ้าลวดลายกุหลาบ อันเป็นดอกไม้ประจำประเทศอังกฤษ แต่หากให้พูดถึงภาพรวมแล้ว วัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้านคันทรีหลัก ๆ ก็มีดังนี้

      - ไม้ ด้วยเสน่ห์ของเนื้อไม้ที่มีลวดลายที่รังสรรค์ขึ้นเองทำให้เท็กซ์เจอร์ที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความแปลกใหม่ได้เสมอ การใช้ไม้เข้ามา ตกแต่งบ้านสไตล์คันทรี จึงมักจะโชว์ลายไม้อย่างเต็มที่ หลีกเลี่ยงการฟอกสีอื่นที่ไม่ใช่สีไม้ธรรมชาติ ชนิดของไม้ที่นิยมใช้ได้แก่ ไม้สน ไม้แอช ไม้โอ๊ค ไม้มะฮอกกานี รวมทั้งไม้สักที่หาได้มากในเมืองไทยด้วย

      - หิน ใช้ประโยชน์ในบ้านคันทรีคือ ใช้ปูพื้นและกรุผนังเพื่อความสวยงาม หินที่นิยมใช้ปูพื้นหลัก ๆ ก็จะมีหินอ่อน หินแกรนิต แล้วแต่งบประมาณของเจ้าของบ้าน ส่วนหินที่ใช้กรุผนังนั้นก็จะเป็นหินภูเขา หินทรายตัด และปัจจุบันมีวัสดุทดแทนหินมากมายออกมาเป็นทางเลือก ซึ่งให้ความสวยงามไม่แพ้หินแท้เลยทีเดียว

      - ผ้า เป็นวัสดุเพื่อการตกแต่งอย่างแท้จริง ทั้งนี้ผ้าทำได้หลายอย่างมากกว่าเป็นแค่ผ้าม่าน คือเป็นผ้าบุโซฟาก็ได้ เป็นหมอนอิง เป็นชุดผ้าปูที่นอน ผ้าที่เหมาะสมกับบ้านสไตล์คันทรีต้องเป็นเส้นใยมาจากธรรมชาติ อาทิ ผ้าฝ้าย ฝ้าลินิน รวมทั้งผ้าที่ทอขึ้นจากขนสัตว์อย่างขนแกะ เป็นต้น

3.ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับสไตล์คันทรีนั้นมีจุดสังเกตง่าย ๆ คือ ทำจากไม้ เรียบ ๆ แต่ไม่ธรรมดา อย่างมีการโชว์ลายไม้ ทำสีขัด เสี้ยนขาว หรือขัดถลอก ความธรรมดาเหล่านี้เองที่เป็นตัวสร้างความอบอุ่นให้ดูดังว่าเป็นดีไซน์ดั่งเดิม ไม่เน้นเรื่องราวแต่เน้นที่การกลึงไม้เข้ารูปให้เป็นทรง หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ผ้า ผ้าก็จะดูอ่อนนุ่ม การถักทอมีช่องระบายค่อนข้างห่าง โทนสีจะไม่ฉูดฉาดมากมองแล้วดูสบายตาเหมือนสีที่ได้จากการย้อมธรรมชาติ

4.แต่งเติมให้ครบ
นอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว การสร้างบรรยากาศของบ้านให้เหมือนอยู่ในชนบทยุโรปก็ไม่ควรมองข้าม อย่างการสร้างเตาผิงจริงละเตาผิงเทียมให้อยู่ในบ้าน การเลือกของประดับตกแต่งจากเซรามิก ถ้วยจานเพ้นท์ลาย กรุผนังด้วยปีกไม้ให้ดูดั่งว่าเป็นบ้านไม้จริง ๆ หรือแม้แต่งการเลือกการน้ำชา ถ้วย จาน เครื่องใช้ในครัว หากเลือกในโทนเดียวกันก็จะทำให้บ้านคันทรีสมบูรณ์ขึ้น

5.จากนั้นมาจัดสวน
จะเป็นแบบอื่นไม่ได้ หากเป็น บ้านสไตล์คันทรี แล้วก็ต้องอิงสวนแบบคันทรียุโรปด้วยเช่นกัน ที่นิยมกันอยู่มากก็คือจัดเป็นสวนอังกฤษ เน้นไม้ดอกสีสันสวยงาม มีงานประติมากรรมตั้งประดับในสวน กลายเป็นความโดดเด่นท่ามกลางแมกไม้ใบเล็กที่ประดับประดา แต่สวนคอทเทจก็เป็นอีกกระแสที่มาคู่บ้านสไตล์คันทรีเช่นกัน ข้อได้เปรียบของสวนคอทเทจมีอยู่ว่าจัดแบบไร้แบบแผน คือจะจัดวางให้ดูดั่งว่าดอกไม้เหล่านั้นเกิดขึ้นเองและพันธุ์ไม้ที่เลือกใช้ก็จะดูเป็นดอกไม้ตามทุ่งหญ้า ซึ่งเหมาะกับบ้านคันทรีมากกว่าสวนอังกฤษที่เลือกใช้ดอกไม้ในเมือง

อ่านบทความที่หน้าสนใจ : แบบบ้าน Villas Phuket รีวิวบ้าน phuket property บ้านเดี่ยว POOL VILLA บ้านจัดสรร PHUKET VILLAขายวิลล่าภูเก็ต  ขายบ้านภูเก็ต invest in phuket property phuket villa for saleรีวิวบ้าน ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต ซื้อบ้าน ตกแต่งบ้าน